top of page
ค้นหา

รู้จักการตรวจ Rivalta test (ไรวัลตาเทสต์): วิธีสำคัญในการวินิจฉัยโรค FIP ชนิดเปียกในแมว

Feline Infectious Peritonitis (FIP) หรือ “โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบจากไวรัสในแมว” เป็นหนึ่งในโรคไวรัสที่รุนแรงและอันตรายที่สุดในแมว โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รู้จักการตรวจ Rivalta test (ไรวัลตาเทสต์): วิธีสำคัญในการวินิจฉัยโรค FIP ชนิดเปียกในแมว
รู้จักการตรวจ Rivalta test (ไรวัลตาเทสต์): วิธีสำคัญในการวินิจฉัยโรค FIP ชนิดเปียกในแมว

ชนิดที่พบได้บ่อยคือ FIP ชนิดเปียก (Wet FIP) ซึ่งมีลักษณะคือ มีของเหลวสะสมในช่องท้องหรือช่องอกของแมว ทำให้แมวมีอาการ ท้องโต หายใจลำบาก หรือหอบเร็วผิดปกติ

เจ้าของแมวหลายคนมักไม่ทันสังเกตอาการเริ่มต้น เช่น

  • ท้องโตผิดปกติ

  • หายใจหอบหรือหายใจเร็ว

  • น้ำหนักลด

  • มีไข้เรื้อรัง

  • ซึม เครียด หรือเบื่ออาหาร

เนื่องจากอาการเหล่านี้คล้ายกับโรคอื่น ๆ การวินิจฉัย FIP โดยเฉพาะชนิดเปียกจึงต้องอาศัยการตรวจอย่างละเอียด หนึ่งในวิธีการคัดกรองเบื้องต้นที่สัตวแพทย์นิยมใช้คือ Rivalta test (ไรวัลตาเทสต์)


Rivalta test คืออะไร

Rivalta test เป็นการตรวจง่าย ๆ ราคาประหยัด ที่ช่วยแยกแยะได้ว่า “ของเหลวในช่องท้องหรือช่องอกของแมว” เกิดจากโรค FIP หรือจากสาเหตุอื่น เช่น การติดเชื้อหรืออวัยวะภายในอักเสบ

การตรวจนี้ถูกพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาเลียนชื่อ Rivalta ตั้งแต่ปี ค.ศ.1900 และยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายในคลินิกสัตวแพทย์ รวมถึงในประเทศไทย ก่อนจะทำการตรวจขั้นสูงอย่าง PCR หรือ ตรวจแอนติบอดีไวรัส FCoV


ขั้นตอนการทำ Rivalta test

  1. เตรียมหลอดทดลองใส่น้ำกลั่นบริสุทธิ์

  2. เติมกรดอะซิติก (Acetic Acid) หรือ “น้ำส้มสายชู” ลงไปเล็กน้อย

  3. หยดของเหลวจากช่องท้องหรือช่องอกของแมวลงในสารละลาย

  4. สังเกตผลการเปลี่ยนแปลงของหยดน้ำ

    • ผลบวก (Positive): หยดน้ำยังคงรูป ลอยหรือค่อย ๆ จม แสดงว่ามีโอกาสเป็น FIP

    • ผลลบ (Negative): หยดน้ำละลายทันทีและน้ำใส แสดงว่าอาจเกิดจากสาเหตุอื่น

ผลบวกจากการตรวจ Rivalta test บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้สูงของ FIP ชนิดเปียก แต่ยังต้องตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลแน่นอน


ความแม่นยำของการตรวจ Rivalta test

จากการศึกษาพบว่า Rivalta test มี

  • ค่าความถูกต้องของผลบวก (Positive Predictive Value) ประมาณ 86%

  • ค่าความถูกต้องของผลลบ (Negative Predictive Value) สูงถึง 96%

ซึ่งหมายความว่า

  • ถ้าได้ผล ลบ มักเชื่อถือได้ว่าไม่ใช่ FIP

  • แต่ถ้าได้ผล บวก ต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น

    • ตรวจเลือด (CBC และค่าเคมีเลือด)

    • ตรวจแอนติบอดีไวรัส FCoV

    • อัลตราซาวนด์ (Ultrasound) หรือเอกซเรย์ (X-ray)


ความสัมพันธ์ระหว่าง Rivalta test และอาการของ FIP ชนิดเปียก

อาการหลักของ FIP ชนิดเปียก คือ ท้องโต เนื่องจากมีของเหลวสะสมในช่องท้อง และบางครั้งของเหลวอาจสะสมในช่องอกจนทำให้ แมวหายใจลำบากหรือหอบ

แม้ว่า “ท้องโต” จะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อในช่องท้อง โรคตับ โรคหัวใจ หรือพยาธิในลำไส้ แต่ถ้ามีอาการร่วม เช่น มีไข้ ซึม และกินอาหารน้อยลง ควรสงสัยว่าอาจเป็น FIP

การตรวจ Rivalta test จึงช่วยให้สัตวแพทย์สามารถคัดกรองโรคได้รวดเร็ว ก่อนส่งตรวจยืนยันด้วยวิธีที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น


การรักษา FIP ชนิดเปียก

ปัจจุบันการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับ FIP ทุกชนิด รวมถึงชนิดเปียก คือการใช้ยา GS-441524 ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพสูง (อัตราการรอดชีวิตมากกว่า 92%)


สำหรับแมวที่มีของเหลวในช่องอก (Pleural Effusion) สัตวแพทย์จะทำการ เจาะระบายของเหลวออกทั้งหมด (Thoracocentesis) เพื่อช่วยให้แมวหายใจสะดวกขึ้น


ส่วนในกรณีที่มีของเหลวในช่องท้อง (Ascites) ควรระบายออกเพียง 20–30% ต่อครั้ง เพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตตกหรือช็อก

ยานี้ช่วยให้ร่างกายของแมวค่อย ๆ ดูดซึมของเหลวกลับ และลดการอักเสบภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เมื่อไรควรพาแมวไปหาสัตวแพทย์

หากแมวของคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบนำไปตรวจที่คลินิกสัตวแพทย์ทันที:

  • ท้องโตหรือบวมผิดปกติ

  • หายใจลำบากหรือหอบ

  • ซึม อ่อนแรง

  • มีไข้สูงไม่ยอมลด

  • เบื่ออาหาร หรือดื่มน้ำน้อยลง


การตรวจและรักษาแต่เนิ่น ๆ ช่วยเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวได้มาก

สามารถติดต่อทีม BasmiFIP Thailand เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการวินิจฉัยและการรักษาได้ทาง Facebook, Instagram, หรือ LINEหรืออ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ BasmiFIP Thailand


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. FIP ชนิดเปียกคืออะไร?

คือภาวะที่ไวรัส FIP ทำให้มีของเหลวสะสมในช่องท้องหรือช่องอกของแมว ส่งผลให้ท้องโตและหายใจลำบาก


2. อาการของ FIP ชนิดเปียกมีอะไรบ้าง?

ท้องโต หายใจหอบหรือหายใจเร็ว มีไข้ น้ำหนักลด ซึม และเบื่ออาหาร


3. ท้องโตในแมวทุกกรณีคือ FIP หรือไม่?

ไม่จำเป็นเสมอไป อาจเกิดจากการติดเชื้อ พยาธิ เนื้องอก โรคตับ หรือโรคหัวใจ ต้องตรวจวินิจฉัยโดยสัตวแพทย์


4. FIP รักษาหายได้ไหม?

แต่ก่อนถือว่าเป็นโรครักษาไม่หาย แต่ปัจจุบันสามารถรักษาได้ด้วยยา GS-441524 ซึ่งให้ผลลัพธ์ดีมาก


5. FIP ติดต่อสู่คนหรือสัตว์อื่นได้ไหม?

ไม่สามารถติดต่อสู่คนได้ แต่ไวรัสต้นเหตุ (Feline Coronavirus, FCoV) สามารถแพร่ระหว่างแมวได้


6. ความแม่นยำของ Rivalta test เป็นอย่างไร?

มีความแม่นยำประมาณ 86% สำหรับผลบวก และ 96% สำหรับผลลบ เหมาะสำหรับการตรวจคัดกรองเบื้องต้น


7. จะรู้ได้อย่างไรว่าของเหลวเกิดจาก FIP จริงหรือไม่?

ของเหลวจาก FIP มักมีลักษณะ สีเหลืองเข้ม เหนียว และมีโปรตีนสูง (>3.5 g/dL) พร้อมผลบวกจากการตรวจ Rivalta test


8. Rivalta test สามารถแทนการตรวจ PCR หรือแอนติบอดีได้ไหม?

ไม่ได้ Rivalta test เป็นเพียงการตรวจเบื้องต้น ต้องยืนยันผลด้วย PCR หรือ การตรวจแอนติบอดี (Serology)


9. แมวที่เป็น FIP ชนิดเปียกทุกตัวจะได้ผลบวกจาก Rivalta test หรือไม่?

ส่วนใหญ่จะได้ผลบวก แต่บางกรณีอาจให้ผลลบเท็จ หากของเหลวมีปริมาณน้อยหรือไม่เหมาะสม


สรุปสำหรับเจ้าของแมวในประเทศไทย:หากแมวของคุณมีอาการ ท้องโต หายใจเร็ว หรืออ่อนแรงผิดปกติ อย่ารอช้า!การตรวจ Rivalta test (ไรวัลตาเทสต์) ตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถช่วยให้สัตวแพทย์วินิจฉัยได้เร็วขึ้น และด้วยการรักษาโดยใช้ยา GS-441524 ปัจจุบันแมวในประเทศไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้สูงมาก


 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page