เรื่องที่ต้องรู้ในการรักษา FIP
-
อาหารที่ควรให้แมวในระหว่างการรักษา
ปลา, ไก่ และอาหารสดอื่นๆที่ปรุงสุก ถ้าแมวของคุณมีอาการท้องเสียให้ทำการเปลี่ยนมาให้อาหารเม็ดสัก 2-3 วันจนกว่าอาการท้องเสียจะหายไป
-
ระยะเวลาการรักษา
ระยะเวลาที่แนะนำคือ 12 สัปดาห์(84 วัน) อย่างไรก็ตามระยะเวลาการรักษาของแต่ละเคสไม่เท่ากันอาจจะมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัยเช่น การตอบสนองของแมว, ระยะที่ติดเชื้อจาก FIP, งบประมาณค่าใช้จ่าย, ฯลฯ
-
สามารถใช้ GS-441524 ร่วมกับยาอื่นๆได้หรือไม่
สามารถใช้ GS-441524 ร่วมกับยาบำรุงและอาหารเสริมอื่นๆได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาแมว อย่างไรก็ตามเราไม่แนะนำให้ใช้ L-Lysine และ ยาดกลุ่มกระตุ้นภูมิ (beta glucan ) ร่วมกับ GS-441524
-
สามารถใช้ Interferon สำหรับรักษา FIP ได้หรือไม่
Interferon เป็นยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งสามารถลดอาการจากโรค FIP โดยลดการตอบสนองของร่างกายแมวต่อการติดเชื้อของไวรัส FIP อย่างไรก็ตามมันไม่ได้กำจัดไวรัส FIP ออกไป มันทำให้ร่ายกายของแมวไม่ตอบสนองต่อไวรัส ดังนั้นจึงสามารถใช้ Interferon เพื่อลดความเจ็บปวดได้ แต่ไม่สามารถใช้ Interferon อย่างเดียวเพื่อการรักษา FIP ได้
-
อื่นๆ
เมื่อแมวของคุณเริ่มฟื้นตัวความอยากอาหารก็จะกลับมาปกติและน้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ ปรึกษากับสัตวแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อชั่งน้ำหนักแมวของคุณสัปดาห์ละครั้งและปรับปริมาณยาให้ และเพื่อจัดการกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความเสียหายของตับและไตและการติดเชื้อ
การใช้ยาแบบฉีด
-
ปริมาณยา GS-441524 ในแต่ละขวด
ในแต่ละขวดจะมีปริมาณยา 7.4 ml
-
ทำไมถึงมี 3 ความเข้มข้น
ความเข้มข้นที่มากจะเหมาะกับแมวที่มีน้ำหนักมากและตัวใหญ่ ซึ่งจะทำให้ปริมาณที่ฉีดน้อยลง
-
จะต้องฉีดเท่าไหร่และฉีดกี่ครั้ง
ฉีดวันละ 1 ครั้งตลอด 12 สัปดาห์ (84 วัน) ปริมาณยาที่ฉีดขึ้นอยู่กับน้ำหนักของแมว
-
ปริมาณที่ฉีดคำนวณอย่างไร
สามารถใช้เครื่องคำนวณของเราได้ที่นี่ "เครื่องคำนวณ"
-
วิธีการฉีดยาทำอย่างไร
วิธีการฉีดคือฉีดใต้ผิวหนัง สามารถดูวิธีการฉีดได้ที่นี่ "วิดีโอ"
-
วิธีการเก็บรักษา
เก็บยาให้พ้นแสงแดด ในอุณหภูมิห้องปกติ ตัวยาทดลองมาในอุณหภูมิเกิน 60 องศา
ถ้านำไปแช่เย็น แล้วอุณหภูมิร้อนแล้วเย็น จะมีโอกาสเกิดผลึกคริสตัลในยา
กรณีที่เปิดฝาแล้ว เก็บได้ไม่เกิน 3 สัปดาห์ กรณีที่ยังไม่ได้เปิดฝา สามารถเก็บได้ 2 ปี
การใช้ยาแบบแคปซูล
1. สามารถเริ่มใช้ยาแบบแคปซูลได้เมื่อไหร่
เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด ควรเริ่มใช้หลังจากใช้ยาแบบฉีดต่อเนื่องมาแล้วอย่างน้อย 30 วัน และแมวควรอยู่ในสภาพปกติคือ ทานและขับ
ถ่ายได้ตามปกติ และไม่มีอาการของ FIP แบบ Neurological หรือ Ocular
2. สาเหตุและเงื่อนไขที่ไม่ควรใช้ยาแบบทาน
ห้ามใช้เมื่อแมวของคุณเป็น FIP แบบที่ไวรัสเข้าไปที่ดวงตาหรือระบบประสาท
ห้ามใช้เมื่อแมวของคุณมีอาการอาเจียน ท้องเสีย หรือมีไข้ ต่อเนื่องตั้งแต่ตอนใช้ยาแบบฉีด
ห้ามใช้เมื่อแมวของคุณอายุน้อยกว่า 1 ปีและยังคงมีของเหลวอยู่ภายใน(สำหรับรูปแบบเปียก)
3. วิธีการเลือกใช้ยาตามชนิดและน้ำหนัก
-
น้ำหนัก 0 - 2.49 กิโลกรัม เลือกใช้สีชมพู
-
น้ำหนัก 2.5 - 3.99 กิโลกรัม เลือกใช้สีเขียว
-
น้ำหนัก 4 กิโลกรัมขึ้นไป เลือกใช้สีน้ำเงิน
4. ปริมาณที่ควรให้ทานต่อวัน
ปริมาณที่เหมาะสมต่อวันคือ 1 เม็ดเวลาเดิมทุกวัน ห้ามข้ามโดยเด็ดขาด ให้ต่อเนื่องจนครบ 84 วันนับต่อหลังจากฉีดยา หรือจนกว่าแมว
จะหายดี
5. หากแมวน้ำหนักเพิ่มขึ้นแต่ยาที่มีในมือยังไม่หมด
ในกรณีเราแนะนำให้ซื้อยาตัวที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการรักษา
6. ยาแบบแคปซูล 1 ขวดสามารถใช้ได้กี่วัน
ยา 1 ขวดมีจำนวน 14 แคปซูล ซึ่งสามารถใช้ได้ 14 วัน(วันละแคปซูล)
7. ถ้าหากอาการแย่ลงหลังเริ่มใช้ยาแบบแคปซูลควรทำอย่างไร สามารถให้ยาเพิ่มจาก 1 เป็น 2 แคปซูลได้หรือไม่
สาเหตุที่อาการของแมวแย่ลงมาจากระบบการดูดซึมอาหารและการขับถ่ายของแมวนั้นยังไม่สมบูรณ์ดี เราแนะนำให้ทานยาต่อเนื่องอีก 5
วันเพื่อสังเกตุอาการ หากผ่านมา 5 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น สามารถปรับเพิ่มปริมาณยาจาก 1 เป็น 2 แคปซูลได้ แต่ทางที่ดีที่สุดคือการ
กลับไปใช้ยาแบบฉีด เนื่องจากการดูดซึมผ่านทางอาหารของแมวไม่ปกติดี
8. จะรู้ได้อย่างไรว่าปริมาณ GS-441524 ที่แมวจะได้รับคือเท่าไหร่
แมวแต่ละตัวมีความสามารถในการดูดซึมต่างกัน เราจะสามารถทราบว่าแมวของเราดูซึมได้มากน้อยแค่ไหนจำเป็นต้องใช้การวิเคราะห์ที่
เรียกว่า HPLC ซึ่งมีความยุ่งยากและราคาสูงมากๆ
9. ระหว่างยาแบบฉีดกับแบบแคปซูล แบบไหนดีกว่ากัน
ยาทั้งสองแบบนั้นมีความสามารถเท่ากัน และจุดประสงค์ในการรักษาเหมือนกันคือ รักษาให้หายจากโรค FIP นัปัจจัยที่จะตัดสินได้ว่าแบบไหนดีกว่ากันนั้นขึ้นอยู่กับการดูดซึมของแมว
ยกตัวอย่าง แมวเคยใช้ยาแบบฉีดมาแล้ว 30 วันอาการดีขึ้น และเริ่มต่อต้านการฉีดยา จึงเปลี่ยนมาใช้ยาแบบทาน แต่หลังจากเริ่มใช้อาการแย่ลง อันมีสาเหตุมาจากระบบการดูดซึมอาหารของแมวตัวนี้ไม่ปกติ ซึ่งจากเคสนี้ข้อสรุปก็คือแบบฉีดย่อมดีกว่า
แต่ในกรณีกลับกันถ้าแมวตัวนี้เริ่มใช้ยาแบบทานแล้วอาการดีขึ้น แมวก็ไม่ต้องเจ็บจากการฉีดยา ถ้าเป็นแบบนี้ย่อมแน่นอนว่าแบบทานดีกว่า
10. สามารถย้ายกลับไปใช้ยาแบบฉีดได้หรือไม่
สามารถทำได้ เพียงแต่ว่า Dosage จะต้องเริ่มจาก 10mg/kg เนื่องจากปริมาณ GS-441524 ในแคปซูลมีมากกว่า
11. หากแมวมีอาการกำเริบหลังจากรักษาจบสามารถใช้ยาแบบแคปซูลได้หรือไม่
เราไม่แนะนำให้ใช้ยาแบบทานในแมวที่เกิดอาการกำเริบ แต่เราแนะนำให้เริ่มจากการรักษาแบบฉีดก่อนโดยเริ่มที่ 12-15mg/kg หลัง
จาก 30 วันแล้วค่อยเริ่มใช้ยาแบบทาน
12. สามารถเลือกใช้ยาแบบอื่นๆที่นอกเหนือจากน้ำหนักของแมวได้หรือไม่
สามารถทำได้แต่ห้ามเลือกใช้ยาชนิดที่น้ำหนักต่ำกว่า เพราะปริมาณ GS-441524 จะไม่เพียงพอ
13. ทำไมยาแบบแคปซูลถึงแพงกว่า
สาเหตุมาจากต้นทุนการผลิตและปริมาณ GS-441524 นั้นมีราคามากกว่า จึงทำให้ราคาสูงกว่ายาแบบฉีด
15. การใช้ยาแบบทานมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
จากการวิจัยล่าสุด ตัวยาแบบทานไม่มีผลข้างเคียงอะไร รวมไปถึงการใช้ร่วมกันกับยาปฏิชีวนะต่างๆก็ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเช่นเดียวกัน
16. จำเป็นจะต้องให้ทานเวลาเดียวกันตลอดเลยหรือไม่
เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุดควรจะให้เวลาเดิมทุกวัน แต่หากจำเป็นสามารถให้ได้ +- 1 ชั่วโมงครึ่ง เช่น เดิมเริ่มต้นที่ 6 โมงเย็น ก็สามารถ
ให้ได้ตั้งแต่ 4 โมงครึ่งไปจนถึง 2 ทุ่มครึ่งได้
17. สามารถขอ Refund ยาที่เหลือได้หรือไม่
เราจะรับ Refund สำหรับขวดที่ยังไม่ได้เปิดใช้ในทุกกรณี