top of page
ค้นหา

แมวของคุณเป็น FIP จริงหรือ? หรือแค่อาการของโรคอื่น? ตรวจสอบให้ชัดเจน!

FIP (Feline Infectious Peritonitis) หรือโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดเชื้อในแมว เกิดจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส Feline Coronavirus (FCoV) โดยทั่วไปเมื่อผู้เลี้ยงแมวทราบว่าแมวของตนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น FIP ความรู้สึกเศร้า กลัว และวิตกกังวลก็มักจะเกิดขึ้นทันที


ก็ไม่น่าแปลกใจเลย เพราะ FIP เป็นโรคที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและรุนแรง หากไม่ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและเข้ารับการรักษาทันเวลา อาจถึงขั้นคร่าชีวิตแมวอันเป็นที่รักของคุณ


อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัย FIP ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีหลายโรคที่มีอาการคล้ายคลึงกัน ทำให้เกิดความเสี่ยงในการวินิจฉัยผิดพลาดสูงมาก


แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในการวินิจฉัยนี้? มาดูกันเลย! ทีม BasmiFIP Thailand ได้สรุปทุกสิ่งที่คุณควรรู้ไว้ในบทความนี้แล้ว



ทำไมการวินิจฉัย FIP ถึงสับสนและยากลำบาก?

สาเหตุหลักที่ทำให้การวินิจฉัย FIP เป็นเรื่องยาก คืออาการในระยะแรกของ FIP มักจะคล้ายกับโรคอื่น ๆ เช่น มีไข้ อาเจียน เบื่ออาหาร และน้ำหนักลด

ยิ่งไปกว่านั้น FIP ยังมี 4 ประเภท ได้แก่

  • FIP แบบเปียก (wet FIP)

  • FIP แบบแห้ง (dry FIP)

  • FIP แบบตา (ocular FIP)

  • FIP แบบระบบประสาท (neurological FIP)


ซึ่งแต่ละชนิดมีลักษณะอาการเฉพาะของตัวเอง ทำให้การวินิจฉัยยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก


ความยากจะเพิ่มขึ้นหากแมวมีโรคประจำตัวหรือโรคร่วมอื่น ๆ อยู่แล้ว เพราะสัตวแพทย์ต้องแยกแยะว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการกลายพันธุ์ของไวรัส FCoV จริงหรือเป็นอาการแทรกซ้อนจากโรคเดิมที่แมวเป็นอยู่



ความสำคัญของการวินิจฉัยที่แม่นยำ เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง

เช่นเดียวกับในมนุษย์ การวินิจฉัยที่ถูกต้องคือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการนำไปสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพ หากวินิจฉัยผิดพลาด โรคอาจลุกลาม และแมวอาจเสียชีวิตได้


สำหรับแมวที่เป็น FIP การวินิจฉัยที่แม่นยำและการตอบสนองที่รวดเร็วคือกุญแจสำคัญในการรอดชีวิต

ปัจจุบัน ยาที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการรักษา FIP คือ GS-441524 ซึ่งทาง BasmiFIP Thailand ใช้ยานี้ตามขนาดที่เหมาะสม โดยอ้างอิงจากประเภทของ FIP น้ำหนักของแมว และผลการตรวจเลือด


นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม การวินิจฉัยต้องแม่นยำที่สุด เพื่อให้ GS-441524 ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในร่างกายของแมว



อาการที่มักทำให้วินิจฉัยผิดว่าเป็น FIP

อาการทั่วไปของ FIP ที่ยังพบในโรคอื่น ๆ และมักทำให้เกิดความเข้าใจผิด ได้แก่:

  • ไข้สูง

  • อาเจียนต่อเนื่อง

  • ปัญหาทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสียหรือท้องผูก

  • เบื่ออาหาร

  • น้ำหนักลดรวดเร็ว

  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง

  • ต่อมน้ำเหลืองบวม



โรคที่มักถูกวินิจฉัยผิดว่าเป็น FIP

Toxoplasmosis

เกิดจากเชื้อปรสิต Toxoplasma gondii ทำให้แมวมีไข้ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย และอาจชักได้—ซึ่งก็เป็นอาการที่พบได้ใน FIP แบบระบบประสาท ด้วยเช่นกัน


FELV (ไวรัสลิวคีเมียในแมว)

ไวรัสชนิดนี้แพร่ผ่านน้ำลาย ปัสสาวะ และอุจจาระ เช่นเดียวกับ FIP และสามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิด FIP ได้ แมวที่ติดเชื้อ FELV อาจไม่แสดงอาการเป็นเวลานานก่อนที่อาการรุนแรงจะปรากฏ


FIV (ไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว)

FIV ทำให้ภูมิคุ้มกันของแมวอ่อนแอ และทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่นได้ง่าย เป็นอีกโรคที่ส่งผลกระทบต่อหลายระบบในร่างกาย และมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็น FIP แม้การรักษาจะต่างกันโดยสิ้นเชิง


FPV (ไวรัสพาร์โวแมว)

อาการทั่วไปของ FPV คือ ไข้ อาเจียน ท้องเสีย และเบื่ออาหาร ซึ่งคล้ายกับ FIP จึงจำเป็นต้องมีการตรวจเพิ่มเติม


IBD (โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง)

ทำให้แมวอาเจียน ท้องเสีย และน้ำหนักลด เนื่องจากเกิดการอักเสบในลำไส้ ซึ่งอาจคล้ายกับ FIP โดยเฉพาะกรณีที่ FIP ส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร


Lymphoma (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง)

โรคนี้โจมตีระบบน้ำเหลืองและอวัยวะภายในของแมว ทำให้เกิดการอักเสบที่คล้ายกับ FIP และอาจทำให้สัตวแพทย์สับสนได้


มะเร็ง (Cancer)

แมวสามารถเป็นมะเร็งได้เช่นเดียวกับมนุษย์ และอาการต่าง ๆ เช่น ไข้ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร มักคล้ายกับอาการของ FIP อย่างมาก



การตรวจที่ช่วยแยกแยะ FIP จากโรคอื่น

เพื่อยืนยันว่าแมวเป็น FIP จริงหรือไม่ สัตวแพทย์จำเป็นต้องทำการตรวจต่าง ๆ ดังนี้:


ตรวจเลือด (CBC และเคมีเลือด)

เป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ให้ภาพรวมของสุขภาพแมว โดยจะดูค่าต่าง ๆ เช่น อัลบูมิน, โกลบูลิน, เม็ดเลือดแดง, เม็ดเลือดขาว และสัดส่วน A/G


Rivalta Test

เป็นการทดสอบเฉพาะในกรณี FIP แบบเปียก ใช้ตรวจของเหลวที่สะสมในช่องท้องเพื่อดูว่าเกี่ยวข้องกับ FIP หรือไม่


เอกซเรย์ (X-ray) และอัลตราซาวนด์ (Ultrasound)

ช่วยตรวจสอบอวัยวะภายใน เช่น มีของเหลวสะสมหรือไม่ อวัยวะขยายหรือมีการอักเสบในช่องอกหรือช่องท้องหรือไม่


MRI

ใช้สนามแม่เหล็กและคลื่นวิทยุ เพื่อดูรายละเอียดของเนื้อเยื่ออ่อน เช่น สมอง ไขสันหลัง และหลอดเลือด เหมาะสำหรับวินิจฉัย FIP แบบระบบประสาท


Biopsy (การเจาะชิ้นเนื้อ)

การนำชิ้นเนื้อขนาดเล็กจากอวัยวะหรือต่อมน้ำเหลืองไปตรวจในห้องแล็บ อย่างไรก็ตาม ด้วยต้นทุนสูงและผลใช้เวลานาน สัตวแพทย์จึงมักเลือกใช้วิธีอื่นก่อน



เมื่อใดที่ควรสงสัยว่าไม่ใช่ FIP?

หากทำการตรวจครบแล้วแต่ยังไม่สามารถวินิจฉัยชัดเจนได้ คุณสามารถเริ่มการรักษาด้วย GS-441524 เป็นทางเลือกเบื้องต้น


เพื่อทราบขนาดยาที่เหมาะสม โปรด ติดต่อ BasmiFIP Thailand ผ่าน LINE เพื่อขอคำปรึกษา


หากแม้หลังจาก 2 สัปดาห์ แมวของคุณยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการต่อต้านการรักษา ให้พาไปพบสัตวแพทย์ทันทีเพื่อประเมินเพิ่มเติม



บทบาทของสัตวแพทย์ และความสำคัญของการติดตามผล

การเห็นแมวที่เคยร่าเริงกลายเป็นซึม เศร้า และอ่อนแรงเพราะเจ็บป่วย เป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับคนเลี้ยงอย่างแท้จริง


นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณต้องมีสัตวแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์คอยแนะนำอยู่เคียงข้าง


เมื่อได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง คุณจะสามารถดูแลแมวได้อย่างมั่นใจตลอดกระบวนการฟื้นตัว ซึ่งอาจใช้เวลานานและเหนื่อยใจ


BasmiFIP Thailand ขออยู่เคียงข้างคุณเสมอ ไม่ว่าคุณจะมีคำถามใด—even ถ้าแค่อยากระบายความกังวล

หลังจากได้รับการวินิจฉัยและให้ยาในขนาดที่แนะนำโดย BasmiFIP Thailand อย่าลืม ทำการตรวจติดตามผลในวันที่ 30, 60 และ 84 เพื่อดูว่าแมวของคุณดีขึ้นจริงหรือไม่ และมีความเสี่ยงจากโรคอื่นหรือเปล่า



สรุป

FIP เป็นโรคที่มีอาการคล้ายกับหลายโรคอื่น ๆ จึงต้องมีการตรวจวินิจฉัยหลายขั้นตอนก่อนจะสรุปผล

เชื่อมั่นในสัตวแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และทีม BasmiFIP Thailand เพื่อมอบการดูแลที่ดีที่สุดให้กับเจ้าเหมียวของคุณ 💛

 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page